เมเมียว เมืองหนาวที่อบอุ่น

ขึ้นเหนือจากมัณฑะเลย์เพียง 2 ชั่วโมง เราก็จะพบกับเมืองที่อากาศเย็นสบายตลอดปี คือ เมืองเมเมียว หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเมืองพินอูลวินนั่นเอง เป็นชื่อที่ออกเสียงยากสักหน่อยในภาษาพม่า เพราะฉะนั้นเรียกเมเมียวก็ได้ ถามใครก็รู้จัก

ที่นี่เป็นอดีต Hill Station ของอังกฤษ และเป็นบ้านพักตากอากาศของทหารอังกฤษสมัยยุคอาณานิคม ซึ่งชื่อเมเมียวนั้น เมียว แปลว่า เมือง และ เม คือชื่อของผู้พันเม ที่เป็นผู้บัญชาการที่แห่งนี้

ความสนุกอย่างหนึ่งของการเที่ยวเมืองเมเมียวก็คือการนั่งชมเมืองเก่าด้วยรถม้านี่แหละค่ะ รถม้าในสไตล์อังกฤษดั้งเดิมยังคงเป็นการสัญจรในชีวิตประจำวันของคนเมืองนี้

เพราะฉะนั้น ตามมาขึ้นรถม้ากันเลยค่ะ จะพาชมเมืองด้วยรถม้ากัน

รถม้าก็ติดไฟแดงนะ

น่านั่งใช่ไหมล่ะคะ ถ้าใครอยากสนุก อย่าพลาดการนั่งชั้นบนข้างคนขับนะคะ รับลมเย็นๆ เห็นเมืองชัดๆ และได้แอบเรียนรู้การขี่ม้าด้วย

บางส่วนของเมืองก็จอแจน่าดูเชียว

ชมสถานที่ต่างๆ ในเมือง ที่นี่คือ Purcell Tower อันเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมือง

เมืองพินอูลวินยังคงเต็มไปด้วยตึกอังกฤษเก่าแก่มากมาย

Druggist Hall จากสมัยอณานิคมที่กลายมาเป็นร้านตัดผม

นั่งรถม้าไปลงที่ตลาดกันดีกว่าค่ะ

ลูกค้าที่น่ารักของพวกเราเองค่ะ

มาชมตลาดพบปะผู้คนกันนะคะ จ๊ะเอ๋

ตลาดที่นี่กว้างใหญ่มาก มีทั้งในร่มและกลางแจ้ง สินค้ามากมายบอกไม่ถูกเลยเชียว และผู้คนก็มากหน้าหลายตา หลากสาขาอาชีพ ที่เห็นได้มากคือทหารนั่นเอง ที่เมืองนี้มีโรงเรียนทหารค่ะ ในบางวันจะเห็นนักเรียนทหารในชุดสีเขียวเดินกันควั่กไขว่เชียวทั่วทั้งเมือง

หนุ่มน้อยมาถอยรองเท้าคู่ใหม่

ทหารชาวอินเดียและเนปาลได้เข้ามาอยู่กับชาวอังกฤษที่เมืองแห่งนี้จำนวนมาก และตั้งรกรากเป็นต้นมา บรรยากาศในเมืองนี้จึงแตกต่างกับเมืองอื่นๆ ในเมียนมาร์สักหน่อย ผู้คนจะรูปร่างค่อนข้างสูง จมูกโด่ง มีผิวพรรณเข้มแบบชาวอินเดียใต้ นัยต์ตาแขก รวมทั้งยังคงยึดจารีตแบบชาวอินเดีย หรือเนปาลตามบรรพบุรุษ

ในฐานะเมืองหน้าด่านสู่รัฐฉาน คนท้องถิ่นที่เมืองแห่งนี้ก็ยังมีชาวไทใหญ่อยู่จำนวนมาก จะเห็นได้จากการแต่งกาย หมวกงอบไทใหญ่ อาหารการกิน และภาษาไทใหญ่ก็ใช้กันแพร่หลายที่เมืองนี้

ใครพูดภาษาถิ่นเหนือของไทย อาจจะฟังเข้าใจภาษาไทใหญ่ถิ่นนี้ได้นะคะ

ยิ้มสวยๆ จากเมืองเมเมียว

เมืองนี้อุดมสมบูรณ์มากๆ ค่ะ ทั้งผลไม้เมืองหนาว เช่น สตรอเบอร์รี่ หรือผลไม้เมืองร้อน เช่นถิ่นอื่นๆ ในพม่า และที่เสริมความสวยงามให้กับเมืองก็คือดอกไม้ค่ะ ดอกไม้ขายกันฟรุ๊งฟริ๊งทั่วตลาดเลยค่ะ

น้าคนนี้ขายดีเชียวค่ะ

พูดถึงดอกไม้แล้ว ไฮไลท์ของเมืองพินอูลวินก็คงไม่พ้นสวนพฤษศาสตร์แน่นอนค่ะ Botanical Garden กว้างขวางใหญ่โต มีพื้นที่มากกว่าส่วนที่เป็นตัวเมืองเองเสียอีกค่ะ

ใครที่มาแล้ว อ่านตามโบรชัวที่ได้รับหลังจากชำระบัตรผ่าน แล้วพักผ่อนหย่อนใจในมุมที่ตัวเองชื่นชอบได้เลย หรือใครจะหามุมสงบ นั่งร้านกาแฟ ชมวิวทะเลสาบกันดอว์จีแบบ Miss Summer ก็ได้นะคะ

นั่งกลางแจ้งได้ ไม่ร้อนเลยค่ะเมืองนี้

นอกจากตัวเมืองที่สวยงาม การนั่งรถม้า ตลาดใหญ่ของเมือง สวนพฤษศาสตร์ พินอูลวินยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่งที่ทุกท่านสามารถไปเที่ยวชมได้ตามความสนใจเลยค่ะ

จะมาลองเที่ยวน้ำตกกับหนุ่มสาวชาวเมเมียวกันดูไหมคะ น้ำตกไม่ใหญ่โตอลังการ แต่ก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของหนุ่มสาวและครอบครัว ถ้าในวันหยุดนี่คนมากันเยอะมากค่ะ

หรือใครอยากจะไหว้พระ ซื้อดอกไม้ไหว้พระแล้วมาชมวัดสำคัญของเมืองกันค่ะ

(แหะๆ ฟ้าครื้มมากเลยค่ะตอนถ่ายภาพนี้)

คนพม่าทุกวัยยังคงนิยมเข้าวัดกันเสมอ

ที่พลาดไม่ได้คือที่ต่อไปนี้ค่ะ ทายกันสิว่าที่ไหนเอ่ย เอ ไร่องุ่นหรือเปล่า???

The Governor's House หรือบ้านข้าหลวงอังกฤษนี่เอง เป็นสถานที่ทางประวัติศาตร์ที่สำคัญของเมืองเชียวค่ะ แมนชั่นหรูสวยงามในสไตล์ดั้งเดิม ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นและสวนต้นสนสวยคลาสสิกมากค่ะ

เข้าชมด้านในได้นะคะ ไม่ลงภาพดีกว่า เอาไว้ให้ไปชมกันด้วยตัวเองเลยค่า

ปัจจุบัน ที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม The Aureum Resort @Govenor's House, Pyin Oo Lwin เพราะฉะนั้น ใครที่เข้าพักที่นี่ก็เข้าชมฟรีค่ะ แต่ถ้าบุคคลภายนอกโรงแรมเสียค่าเข้าเล็กน้อย

พักทานข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรม The Aureum Resort @Govenor's House

ห้องอาหารและล็อบบี้ของโรงแรมอยู่คนละตึกกับตึก Governor's House นะคะ

ไหนๆ เลย Miss Summer ก็พักที่นี่แล้ว เอาภาพห้องพักที่นี่มาฝากสักหน่อย บริการดี มาตรฐานดี ขนาดห้องจะกว้างกว่าโรงแรมส่วนใหญ่ในเมียนมาร์ และที่สำคัญ ราคาดีมากค่ะ ใครสนใจพักที่นี่ก็สอบถามและจองกับบริษัทของเราได้นะคะ

สำหรับเมืองพินอูลวิน ที่รีสอร์ทนี้ดีมากค่ะ คิดว่าจะจบวันด้วยการพักผ่อนที่สุขสบายกันแน่นอน